ข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวกล้อง กข43 เป็นข้าวกล้องทั้งสองชนิด แม้ว่าทั้งสองจะเป็นข้าวกล้องเหมือนกัน แต่ก็มีลักษณะและคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน
ประโยชน์ของ ทั้ง 2 ข้าวกล้องแบบ
–ข้าวกล้องหอมมะลิ
หากเรารับประทานข้าวกล้องจะได้ วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมองทำให้เจริญอาหาร ได้วิตามินบี 1 ซึ่งถ้ากินเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้ ได้วิตามิน บี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก ได้ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ได้แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว ได้ทองแดง สร้างเมล็ดโลหิต และเฮโมโกลบิน ได้ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ได้โปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ ได้ไขมัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย
ไขมันในข้าวกล้องเป็นไขมันที่ดี ไม่มีคอเลส เตอรอล ได้ไนอะซิน ช่วยระบบผิวหนังและเส้นประสาท และป้องกันโรคเพลลากรา (โรคที่เกิดจากการขาดไนอะซิน จะมีอาการท้องเสีย ประสาทไหว โรคผิวหนัง) ได้คาร์โบไฮเดรตให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้กากอาหาร ข้าวกล้องมีกากอาหารมาก ซึ่งจะทำให้ท้องไม่ผูก และช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย วิตามิน และเกลือแร่ต่าง ๆ ในข้าวกล้องจะช่วยให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้าวกล้องกข43
ข้าวกล้องกข43 เป็นข้าวพันธุ์ผสมมาจากข้าวเจ้าหอมสุพรรณ และ พันธุ์สุพรรณบุรี 1 จึงเกิดความความนุ่มอร่อย สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิเลยทีเดียว ส่วนจุดเด่นของข้าวกล้องกข43 นั้นก็คือคือ เป็นข้าวกล้องที่มีดัชนีน้ำตาลปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ โดยค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 57.5 ซึ่งต่ำกว่าข้าวทั่วไปอย่างมาก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ผู้ที่แคร์เรื่องน้ำตาลในอาหาร
และที่สำคัญสำหรับผู้ที่เป็นหรือกลัวในโรคเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นแล้วเมื่อรับประทานข้าวกล้องกข43เข้าไป ร่างกายก็จะเปลี่ยนจากแป้งไปเป็นน้ำตาลได้ช้าลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ที่รับประทานนั้นไม่เกิดความหิวง่ายอีกด้วยดังนั้นแล้วด้วยนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ปัจจุบัน ข้าวกล้อง กข43 จึงเป็นข้าวที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่รักสุขภาพและดูแลสุขภาพเป็นประจำในทุกวันนี้
กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าลูกค้าชอบข้าวนุ่มหอมทานง่ายแนะนำเป็นข้าวกล้องหอมมะลิ ส่วนสำหรับคนที่ดูแลสุขภาพ กังวัลเรื่องน้ำตาล ทางเราขอแนะนำเป็นข้าวกล้อง 43 นะคะ ^^